ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บริษัทไจแอ้นท์เรล (Giant Rail Co) คนคิดสัญญาสัมปทาน


บริษัทไจแอ้นท์เรล (Giant Rail Co) คนคิดสัญญาสัมปทาน ลงลายมือชื่อความตกลงว่าจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาหารือจากมาเลเซีย ให้ออกแบบเลื่อยวงเดือนรายละเอียดของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงรางคู่ ระยะทาง 220 กิโลเมตร จากชายแดนไทยที่เมืองไกสอน พมวิหาน แขวงสะหวันนะเขต ไปยังด่านลาวบ๋าว ชายแดนเวียดนาม

บริษัทดิจิแม็ป (Digimap Snd Bhd) ผู้จำหน่ายตู้เชื่อมไฟฟ้า ซึ่งเป็นที่พิจารณาหารือโครงการอยู่แล้ว จะทำการออกแบบรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดตัวการก่อสร้างได้ในปี 2558 นี้ สื่อของทางการลาวรายงานในวันจันทร์ 15 ก.ย.นี้ เกี่ยวกับพิธีเซ็นสัญญาระหว่างสองฝ่ายที่จัดขึ้นในนครเวียงจันทน์ เมื่อวันที่ 11 สำหรับรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่มีระยะเวลาประทานบัตร 50 ปี มูลค่าราว 5,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมทั้งมูลค่าการลงทุนพัฒนาสิ่งปลูกต่างๆ ด้วย
     
       ไจแอ้นท์เรล ซึ่งเป็นบริษัทลูกของไจแอ้นท์คอนโซลิเดทเต็ด กับดิจิแม็ปเบอร์ฮาร์ดที่จำหน่ายเครื่องมือช่าง ได้เซ็นความตกลงสาบานหลักระหว่างกันเมื่อวันที่ 5 พ.ย.2555 ในช่วงที่มีการออกันผู้นำอาเซียน ที่ลาวเป็นผู้จัดงาน โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ในขณะนั้น กับ นายกรัฐมนตรีลาวทองสิง ทำมะวง ร่วมเป็นสักขี สำหรับการก่อสร้างโครงการ ที่จะช่วยเปลี่ยนลาวจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล เป็นประเทศแห่งการต่อเชื่อมอนุภูมิภาค
     
       ทางราชการลาว กับบริษัทไจแอ้นท์เรล ได้จัดพระราชพิธีเปิดหน้าดินขึ้นในแขวงสะหวันนะเขต ในเดือน ม.ค.ปีนี้ โดยหวังว่าจะสามารถเริ่มการก่อสร้างได้ทันทีโดยใช้สว่านไฟฟ้า หลังจากล่าข้ามานานแรมปี แต่ในที่สุดก็ยังไม่สามารถลงมือได้ ฝ่ายผู้ลงทุนเรียกเอาว่า ระหว่างการการสำรวจความเป็นไปได้ของโครงการนั้น ได้พบวัตถุระเบิดที่หลงเหลือตั้งแต่ครั้งสงครามจำนวนมาก ตามเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะสร้างขนานไปกับทางหลวงเลข 9 ซึ่งจะต้องเก็บกู้ให้หมดเสียก่อน
     
       บริษัทจากมาเลเซีย เคยอธิบายในเดือน พ.ย.2555 ภายหลังการเซ็นสัญญากับรัฐบาลลาว โดยระบุว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ทันทีในปี 2556 การเซ็นข้อตกลงกับบริษัทที่ปรึกษา เพื่อให้ออกแบบโครงการในรายละเอียดเมือสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญสำหรับโครงการ ในขณะที่งานด้านอื่นๆ ซึ่งรวมทั้งการเก็บกู้วัตถุระเบิด ได้ดำเนินคู่ขนานกันไป สื่อของทางการกล่าว ในเดือน ก.ค.ปีนี้ ทางราชการลาวกับบริษัทผู้ลงทุน ได้จัดการรวมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงการทางรถไฟความเร็วสูงลาว-เวียดนาม รับประกันในความพร้อมของเงินลงทุน และให้ความมั่นใจแก่ทุกฝ่ายว่า โครงการยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่าที่ผ่านมาจะเกิดการติดขัดที่ไม่คาดคิดหลายประการตามที่กล่าวมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม จนถึงล่าสุดก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ทางรถไฟความเร็วสูงรางมาตรฐานขนาด 1.435 เมตร ที่ออกแบบเพื่อการคมนาคมและการขนส่งสินค้านี้ จะไปเชื่อมต่อกับระบบรถไฟในเวียดนาม ที่ยังใช้รางกว้างเพียง 1 เมตรอย่างไร และจะก่อสร้างต่อไปอย่างไร หลังจากไปถึงชายแดนเวียดนาม
     
       ตามทูลก่อนหน้านี้ ไจแอ้นท์คอนโซลฃิเดทเต็ดที่จำน่ายเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ได้เปิดการเจรจากับทางการเวียดนาม เกี่ยวกับการก่อทางรถไฟอีกช่วงหนึ่ง ไปเชื่อมต่อกับระบบรถไฟเวียดนามที่ จ.กว๋างจิ โดยหวังว่าจะสามารถสร้างการเชื่อมต่อไปไปจนถึงท่าเรือน้ำลึกแห่งใหม่ ทางตอนเหนือของนครด่าหนัง ที่อยู่ใต้ลงไปได้
     
       เมื่อมองในเชิงยุทธศาสตร์ ทางรถไฟลาว-เวียดนาม ประสานต่อแผนการก่อสร้างระเบียงขนส่งแนวตะวันออก-ตะวันตก ที่ทะลุเข้าสู่ดินแดนไทย ไปออกทะเลในอ่าวเมาะตะมะของพม่า เช่นเดียวกันกับทางหลวงเลข 9 ที่สามารถลอดเข้าสู่ไทยได้ในที่สุด และล่าสุดรอเชื่อมกับทางหลวงสายแม่สอด-มะละแหม่ง ในพม่า ที่กองพลก่อสร้างอยู่ในขณะนี้เท่านั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สวนกล้วยไม้แย้มประยูร จ.พระนครศรีอยุธยา

พระนครศรีอยุธยา 5 ม.ค.-เกษตรกรชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้เพียง 2 ไร่ ได้ผลดีมีลูกค้าทั้งในประเทสและนอกประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขยายเป็น 100 ไร่   คุณลุงมานิตย์ แย้มประยูร เกษตรกร วัย 76 ปี เริ่มต้นจากใจรักใน กล้วยไม้ ลงทุน ปลูกกล้วยไม้ กับเงินทั้งหมดที่มีอยู่ 4,000 บาท บนที่ดิน 2 ไร่ เพราะความขยัน อดทนทำให้คุณลุงมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขยายจาก 2 ไร่ เป็น 100 ไร่ พัฒนาขยายสายพันธุ์ใหม่จนสร้างชื่อเสียงระดับโลก สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน   คุณลุงมานิตย์ บอกว่า ปกติ กล้วยไม้ นิยมขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือเพาะเมล็ด เพราะทำให้เกิดต้นกล้าจำนวนมาก เติบโตสม่ำเสมอ และปลอดโรคใช้เวลาในการเติบโตแตกต่างกันประมาณ 1 -3 ปี แล้วแต่ชนิดพันธุ์และสูตรอาหาร   ตลาดส่งออกกล้วยไม้ตัดดอกที่สำคัญ ได้แก่ ตลาดยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เวียดนามและเมียนมาร์ ซึ่งสีสันที่แต่ละภูมิภาคชื่นชอบก็จะแตกต่างกันไป อย่างยุโรปจะชื่นชอบกล้วยไม้สีแดง ส่วนตลาดญี่ปุ่นจะชื่นชอบกล้วยไม้สีม่วง ขณะที่การเปิดประชาคมอาเซียนเป็นอีกโอกาสในการขยายตลาดของ กล้วยไม้ไทย ...

เกษตรอินทรีย์ : ลู่ทางใหม่ของเกษตรกรไทย

เกษตรอินทรีย์ : ลู่ทางใหม่ของเกษตรกรไทย การทำเกษตรกรรมของไทยมักเผชิญปัญหาการขาดทุนตามที่ เครื่องปั่นไฟ ราคาสูงขึ้น ซึ่งหนึ่งในที่มาของปัญหานี้เกิดจากรายจ่ายในการจัดซื้อสารเคมีจำนวนมาก มาใช้เพื่อเร่งผลผลิต อย่างไรก็ตาม หากผลผลิตที่ได้มีราคาตกต่ำ การขาดทุนก็ยังคงมีอยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น ในล่าสุดกระแสการดูแลรักษาสุขภาพของประชากรโลกเริ่มมีมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยและปราศจากสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยเหตุนี้เกษตรกรหลายรายจึงคิดหาวิธีการทำเกษตรกรรม แนวใหม่ เรียกว่า เกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) โดยใช้ เครื่องปั่นไฟมือสอง เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและได้ผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยการพยายามประยุกต์ใช้ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้ปัจจัยการผลิตภายนอกและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งวิถีทางการทำเกษตรแนวนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Agriculture : IFOM) ให้คำนิยามของเกษตรอินทรีย์ว่าเป็น “ระบบการเกษตรที่ผลิตอาหารและเส้นใ...

ตอนที่2 วิธีการปลูกมะละกอพันธุ์ไหนดีจึงจะมีตลาดขาย

ตอนที่2 วิธีการปลูกมะละกอพันธุ์ไหนดีจึงจะมีตลาดขาย -มะละกอพันธุ์ครั่ง เป็นมะละกอดิบหรือส้มตำพันธุ์ใหม่ที่ใช้ยาฆ่าแมลงและใช้ เครื่องพ่นยา น้อย และที่มีผู้รายงานข่าวทำข่าวกันมากจนทำให้เกษตรกรปลูกกันในหลายภาค โดยชูจุดดีตรงที่เนื้อกรอบ หอม หวาน อร่อย หลังเก็บจากต้นแล้ว สดอยู่ได้นานกว่าพันธุ์อื่น 5-6 วันก็ยังไม่เหี่ยว และบอกว่าทนทานไวรัสจุดวงแหวนได้ดี(อันนี้จริงเปล่าไม่รู้) แต่ข้อเสียก็คือ ผลมีร่องทำให้เวลาปอกเปลือก เปลือกสีเขียวจะติดอยู่ในร่องนั้น ขูดเส้นยาก ตอนนี้เริ่มมีปัญหาด้านตลาดแต่นักค้นคว้าก็ยังเพิ่งเปิดตัวครั่งพันธุ์ใหม่เนื้อเหลืองไปเมื่อเดือนที่แล้วอีกซึ่งครั่งเนื้อเหลืองจะทำให้เส้นส้มตำน่ากินมากขึ้น นักข่าวประโคมข่าวอีกเช่นเดิมแต่ปัญหาร่องที่ผลจะทำให้แม่ค้ายอมรับได้แค่ไหนต้องติดตามกันต่อไป