ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กระดาษทรายน้ำ เครื่องอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมืองานสีและการขัดผิวชิ้นงาน

กระดาษทรายน้ำ เครื่องอุปกรณ์  เครื่องไม้เครื่องมืองานสีและการขัดผิวชิ้นงาน
เครื่องไม้เครื่องมือและอุปกรณ์งานสีเป็นสิ่งที่นำมาใช้งานได้หลาย ๆ ครั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงความเหมาะสมในการใช้งานและการบำรุงรักษาได้อย่างถูกต้องเพื่อให้เกิด

ประสิทธิภาพสูงสุดของงาน
1. เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานทาสี
เครื่องมือและอุปกรณ์งานสีมีมากมายหลากหลายเช่นราคากระดาษทราย  ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อใช้งานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม   เพื่อให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น   ซึ่งช่าง

สีมีความจำเป็นต้องใช้ดังต่อไปนี้
               1.1 แปรงทาสี
ในการเลือกใช้แปรงทาสีต้องดูคุณค่าและขนาดของแปรงรวมถึงการใช้งานของแปรงแต่ละชนิดก็ใช้งานแตกต่างกัน  ถ้าใช้แปรงคุณภาพต่ำอาจทำให้ไม่เก็บกักเนื้อสีทำให้การทาสียุ่ง

ยาก  เพราะอาจมีสีหยดหรือกระเด็นในขณะทา  หรือขนแปรงที่แข็งเกินไปจะทำให้เกิดรอยแปรง  และหลุดติดบนชิ้นงานทำให้เสียเวลาและได้งานที่ไม่เรียบร้อย  ดังนั้นจึงควรตัดสินใจ

ให้รอบคอบ  ก่อนนำแปรงมาใช้งาน  ซึ่งประเภทของแปรงสามารถแบ่งได้ 3 ชนิดใหญ่ คือ
ก. แปรงทาสีน้ำมัน แปรงชนิดนี้เหมาะกับงานทั่วไปทั้งทาสีน้ำมัน  สีน้ำพลาสติก  น้ำมันชักเงา และน้ำยารักษาเนื้อไม้ต่าง ๆ ขนแปรงมีทั้งชนิดที่ทำจากขนสัตว์เช่น ขน

หมูและพลาสติก  โดยทั่วไปขนแปรงไม่ควรแข็งกระด้างและหลุดง่าย  ควรมีความเป็นสปริงในตัวและมีความยาวพอเหมาะ  เพื่อช่วยในการอุ้มเนื้อสีขนาดที่ใช้ทั่วไปมีตั่งแต่หน้าตัด 1

นิ้ว ถึง 4 นิ้ว
ข. แปรงทาน้ำมันชักเงา  บางทีเรียกว่าแปรงขนอ่อนเนื่องจากขนแปรงมีรูปพรรณอ่อนนุ่มเพราะทำจากขนกระต่ายหรือขนอูฐ  เดิมด้ามแปรงมีรูปร่างเป็นปล้องไม้ไผ่ขนาดเล็กวาง

เรียงติดกันหลาย ๆ อัน  แต่ปัจจุบันเป็นด้ามแปรงขนาดใหญ่มีขนาดตั้งแต่ 1 นิ้ว ถึง 4 นิ้ว  ใช้สำหรับทาน้ำมันเคลือบเงาต่าง ๆ ไม่เหมาะสำหรับใช้ทาสีทุกชนิด  เพราะขนแปรงหลุดง่าย

 ซึ่งการเลือกใช้แปรงชนิดนี้ควรเลือกที่มีคุณภาพสูง   เพื่อปกป้องขนแปรงหลุด
ค. แปรงดอกหญ้า   แปรงชนิดนี้เหมาะสำหรับงานทาสีน้ำมันพลาสติก  โดยทั่วไปทำจากดอกหญ้าชนิดเดียวกับที่ใช้ทำไม้กวาด  แต่เอามามัดรวมกันเป็นปล้อง  ประมาณ 4 - 5 ปล้อง

ปัจจุบันนี้ไม่นิยมใช้เพราะมีปัญหาดอกหญ้าหลุดและสีดอกหญ้าลอกตกใส่สีที่ทาทำให้สีเปลี่ยน

การตระเตรียมผิวชิ้นงาน
การตระเตรียมผิวชิ้นงาน ขั้นตอนแรกที่ต้องทำ แบ่งได้ตามชนิดของวัสดุ
การเตรียมตัวผิวไม้ ขั้นตอนแรกต้องเตรียมไม้ก่อน ถ้าเป็นไม้ที่ได้จากโรงงานเลื่อยต้อง ผ่านการไสผิวให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่ถ้าเป็นไม้อัดก็สามารถที่

จะขัดผิวได้เลย โดยไม่ต้องผ่านการ ไส
ในการขัดผิวไม้ไม่มีข้อเสนอแนะคือ ให้ขัดด้วยกระดาษทรายไปตามความยาวของเสี้ยนไม้ (ลายไม้) หยุดขัดตัดขวางเสี้ยนไม้เด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิด

รอยขูดขีดขวางบนเนื้อไม้ และควรใช้ กระดาษทรายน้ำพันรอบไม้อีกท่อนหนึ่งก่อนที่จะนำไปขัดชิ้นงาน เพราะไม้มีผิวหน้าเรียบ เมื่อนำไป ทำการขัดบนชิ้นงานจะทำให้

ชิ้นงานที่เตรียมการไว้มีผิวหน้าเรียบ แต่ถ้าใช้มือเปล่าจับกระดาษทรายขัด จะทำให้ชิ้นงานที่เตรียมไว้มีผิวขรุขระ เนื่องจากฝ่ามือเราไม่เรียบ มีประเภทเป็นคลื่น ในการขัด

จะต้องขัดผิวจนผิวไม้ไม่เหลือมีลักษณะเป็นมันเงาและถ้าใช้มือลูบสัมผัสตามลายไม้จะมีลักษณะลื่นไม่ มีเสี้ยนหยาบติดมือ และควรเปลี่ยนด้านกระดาษทรายสลับบ้าง เพราะในขณะขัด

ฝุ่นจากไม้จะ หลุดไปอุดเม็ดทรายทำให้กระดาษทรายไม่กัดกินเนื้อไม้ การใช้กระดาษทรายน้ำพันรอบไม้รองรับราคากระดาษทราย ควรใช้ไม่ขนาด 1นิ้ว x 3นิ้ว ไสผิว

เรียบร้อยแล้ว ทำการผ่ามุมตามยาวด้านใดด้านหนึ่งตามรูปให้พอ ใส่ปลายกระดาษทรายด้าน หนึ่งลงไปในร่องไม้ที่ผ่าส่วนที่เหลือ พันไปรอบไม้และปลายอีกด้านหนึ่งให้ใช้

มือจับไว้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สวนกล้วยไม้แย้มประยูร จ.พระนครศรีอยุธยา

พระนครศรีอยุธยา 5 ม.ค.-เกษตรกรชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้เพียง 2 ไร่ ได้ผลดีมีลูกค้าทั้งในประเทสและนอกประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขยายเป็น 100 ไร่   คุณลุงมานิตย์ แย้มประยูร เกษตรกร วัย 76 ปี เริ่มต้นจากใจรักใน กล้วยไม้ ลงทุน ปลูกกล้วยไม้ กับเงินทั้งหมดที่มีอยู่ 4,000 บาท บนที่ดิน 2 ไร่ เพราะความขยัน อดทนทำให้คุณลุงมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขยายจาก 2 ไร่ เป็น 100 ไร่ พัฒนาขยายสายพันธุ์ใหม่จนสร้างชื่อเสียงระดับโลก สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน   คุณลุงมานิตย์ บอกว่า ปกติ กล้วยไม้ นิยมขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือเพาะเมล็ด เพราะทำให้เกิดต้นกล้าจำนวนมาก เติบโตสม่ำเสมอ และปลอดโรคใช้เวลาในการเติบโตแตกต่างกันประมาณ 1 -3 ปี แล้วแต่ชนิดพันธุ์และสูตรอาหาร   ตลาดส่งออกกล้วยไม้ตัดดอกที่สำคัญ ได้แก่ ตลาดยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เวียดนามและเมียนมาร์ ซึ่งสีสันที่แต่ละภูมิภาคชื่นชอบก็จะแตกต่างกันไป อย่างยุโรปจะชื่นชอบกล้วยไม้สีแดง ส่วนตลาดญี่ปุ่นจะชื่นชอบกล้วยไม้สีม่วง ขณะที่การเปิดประชาคมอาเซียนเป็นอีกโอกาสในการขยายตลาดของ กล้วยไม้ไทย ...

เกษตรอินทรีย์ : ลู่ทางใหม่ของเกษตรกรไทย

เกษตรอินทรีย์ : ลู่ทางใหม่ของเกษตรกรไทย การทำเกษตรกรรมของไทยมักเผชิญปัญหาการขาดทุนตามที่ เครื่องปั่นไฟ ราคาสูงขึ้น ซึ่งหนึ่งในที่มาของปัญหานี้เกิดจากรายจ่ายในการจัดซื้อสารเคมีจำนวนมาก มาใช้เพื่อเร่งผลผลิต อย่างไรก็ตาม หากผลผลิตที่ได้มีราคาตกต่ำ การขาดทุนก็ยังคงมีอยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น ในล่าสุดกระแสการดูแลรักษาสุขภาพของประชากรโลกเริ่มมีมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในการเลือกซื้ออาหารที่ปลอดภัยและปราศจากสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นพิษต่อร่างกาย ด้วยเหตุนี้เกษตรกรหลายรายจึงคิดหาวิธีการทำเกษตรกรรม แนวใหม่ เรียกว่า เกษตรอินทรีย์ (Organic Agriculture) โดยใช้ เครื่องปั่นไฟมือสอง เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและได้ผลผลิตที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยการพยายามประยุกต์ใช้ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดการใช้ปัจจัยการผลิตภายนอกและหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีสังเคราะห์ ซึ่งวิถีทางการทำเกษตรแนวนี้จะไม่เป็นอันตรายต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค เกษตรอินทรีย์ในประเทศไทย สหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Agriculture : IFOM) ให้คำนิยามของเกษตรอินทรีย์ว่าเป็น “ระบบการเกษตรที่ผลิตอาหารและเส้นใ...

ตอนที่2 วิธีการปลูกมะละกอพันธุ์ไหนดีจึงจะมีตลาดขาย

ตอนที่2 วิธีการปลูกมะละกอพันธุ์ไหนดีจึงจะมีตลาดขาย -มะละกอพันธุ์ครั่ง เป็นมะละกอดิบหรือส้มตำพันธุ์ใหม่ที่ใช้ยาฆ่าแมลงและใช้ เครื่องพ่นยา น้อย และที่มีผู้รายงานข่าวทำข่าวกันมากจนทำให้เกษตรกรปลูกกันในหลายภาค โดยชูจุดดีตรงที่เนื้อกรอบ หอม หวาน อร่อย หลังเก็บจากต้นแล้ว สดอยู่ได้นานกว่าพันธุ์อื่น 5-6 วันก็ยังไม่เหี่ยว และบอกว่าทนทานไวรัสจุดวงแหวนได้ดี(อันนี้จริงเปล่าไม่รู้) แต่ข้อเสียก็คือ ผลมีร่องทำให้เวลาปอกเปลือก เปลือกสีเขียวจะติดอยู่ในร่องนั้น ขูดเส้นยาก ตอนนี้เริ่มมีปัญหาด้านตลาดแต่นักค้นคว้าก็ยังเพิ่งเปิดตัวครั่งพันธุ์ใหม่เนื้อเหลืองไปเมื่อเดือนที่แล้วอีกซึ่งครั่งเนื้อเหลืองจะทำให้เส้นส้มตำน่ากินมากขึ้น นักข่าวประโคมข่าวอีกเช่นเดิมแต่ปัญหาร่องที่ผลจะทำให้แม่ค้ายอมรับได้แค่ไหนต้องติดตามกันต่อไป