ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ปั๊มน้ำแบบต่างๆ และวิธีการเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน

ปั๊มน้ำแบบต่างๆ และวิธีการเลือกซื้อปั๊มน้ำ ให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
"ปั๊มน้ำ" เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีการแลกเปลี่ยนกันมานาน และมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีอย่างสม่ำเสมอเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันของลูกค้า

ปั๊มน้ำ เป็นส่วนใหญ่มีอยู่ 5 หมวด ได้แก่ ปั๊มน้ำอัตโนมัติ, ปั๊มน้ำกึ่งอัตโนมัติ, ปั๊มหอยโข่ง ปั๊มน้ำบาดาล และปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ ซึ่งแต่ละประเภทจะมีลักษณะการใช้งานแตกต่างกันออกไป

ปั๊มน้ำอัตโนมัติ เหมาะสำหรับการใช้ภายในบ้าน คือ เมื่อมีการหมุนก๊อกน้ำ ปั๊มน้ำจะทำงาน พอเลิกใช้ปั๊มน้ำก็หยุดทำงาน ปริมาตรของปั๊มน้ำอัตโนมัติมีตั้งแต่ 100-400 วัตต์ สำหรับ 100–150 วัตต์ เหมาะกับบ้านที่มีผู้อาศัย 2-3 คน และ ขนาด 400 - 700 วัตต์ สำหรับครัวเรือนใหญ่

ปั๊มจุ่มหรือปั๊มแช่ เหมาะสำหรับการดึงน้ำ เช่น ดึงน้ำท่วมบ้าน ดึงน้ำจากบ่อ ปั๊มจุ่มจะมีให้เลือกหลายขนาด ถ้าต้องการให้ดึงน้ำเร็วต้องใช้ตัวที่วัตต์สูง เช่น 200 -250 วัตต์ แต่ถ้าไม่อยากได้ดึงน้ำมากๆ ใช้วัตต์น้อยๆ ก็จะประหยัดได้ด้วย ในการใช้งานติดต่อจะใช้ได้แค่ 7 ชั่วโมง ถ้าเกินจากนั้นปั๊มน้ำจะร้อนจัดทำให้มอเตอร์ตัดและใบพัดล็อค เราต้องถอดใบพัดออกมาหมุนกลับเข้าไปใหม่ ก็จะใช้งานได้อย่างเดิม 

ปั๊มหอยโข่ง เหมาะสำหรับกับการดึงน้ำเก็บใส่ถัง เหมือนที่ใช้ในการเกษตรคือส่งน้ำไปไกลๆ หรือดึงน้ำขึ้นไปบนอาคารสูงๆ เนื่องจากปั๊มหอยโข่งจะมีแรงม้าสูง มี 1 แรงม้า 2 แรงม้า แต่ไม่เป็นระบบอัตโนมัติ ตัวนี้เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ

ปั๊มกึ่งอัตโนมัติ จะคล้ายๆ กับปั๊มอัตโนมัติ แต่เราต้องเปิด-ปิดสวิทช์ หรือเสียบปลั๊ก-ถอดปลั๊กใช้งานเอง ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยม ลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมแบบอัตโนมัติไปเลย

ปั๊มน้ำบาดาล เป็นปั๊มน้ำที่สูบมาใช้ด้านในครัวเรือนหรือใช้ในการเกษตรกรรม

การเลือกปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับงานจะช่วยประหยัดเงิน 
การเลือกใช้ปั๊มน้ำนั้น ถ้าใช้ในบ้านเราต้องดูจากจำนวนผู้อยู่อาศัยว่าอยู่กันกี่คน เช่น ทาวเฮาส์ 2 ชั้น จะมีแค่ 2-3 ห้องน้ำ เลือกใช้ปั๊มขนาด 100-150 วัตต์ก็พอเพียง หรือถ้าไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น เลือกใช้แค่ 100 วัตต์ เราก็สามารถเปิดน้ำในเวลาเดียวกันได้ 2-3 จุด แต่ถ้าใช้เครื่องทำน้ำอุ่น ควรเพิ่มเป็น 150 วัตต์ ก็เพราะว่าจะช่วยเพิ่มแรงดันน้ำอุ่นหรือเมื่อเราเปิดก๊อกน้ำหลายจุดโดยพร้อมเพรียง แล้วถ้าเป็นลูกค้าบ้านเดี่ยวอยากแนะนำให้ใช้ปั๊มขนาด 200–250 วัตต์ เพราะจะเปิดในเวลาเดียวกันได้ถึง 5-6 จุด หรือถ้าติดเครื่องทำน้ำอุ่นถึง 3 ห้องน้ำ ขอแนะนำให้ใช้แบบ 250 วัตต์ เพราะจะดีตรงที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้เช่นกัน

อีกอย่างที่ช่วยให้ประหยัดไฟคือการเลือกใช้ฝักบัว ฝักบัวที่น้ำออกมาเป็นฝอยจะช่วยประหยัดน้ำ แต่ถ้าเป็นฝักบัวแบบที่เปิดแล้วน้ำออกมาเป็นสายอย่างนี้จะเปลืองน้ำกว่า ไม่ประหยัดน้ำเพราะน้ำจะไหลออกมาเร็วเกินเลย และกินไฟเพิ่มมากขึ้นเพราะมอเตอร์ปั๊มน้ำจะทำงานต่อเนื่องไม่ตัด ดังนั้นการที่เราเลือกฝักบัวหรือสายฉีดชำระที่มีความละเอียดเวลาน้ำออกมา มอเตอร์จะไม่ทำงานหนักเพราะตัดได้บ่อยไม่ทำงานสม่ำเสมอ แบบนี้จะดีในการเลือกใช้ 

การติดตั้งปั๊มน้ำอย่างถูกวิธีการช่วยประหยัดพลังงาน
ในการติดตั้งปั๊มน้ำ ไม่แนะนำให้ติดตั้งแบบดึงตรง (by pass) แนะนำให้ต่อกับแท็งก์น้ำ (ติดตั้งแท็งก์น้ำเพิ่ม) แล้วให้ปั๊มดึงน้ำจากแท็งก์เข้าบ้านตรงนี้จะช่วยประหยัดไฟกว่าเป็นพิเศษ อีกอย่างคือการติดตั้งแท็งก์น้ำจะช่วยให้น้ำใช้หรือน้ำฝักบัวของเราไม่มีตะกอน เพราะเวลาที่น้ำเข้าแท็งก์ตัวตะกอนจะตกลงก้นแท็งก์ก่อน เวลาใช้ปั๊มดึงก็จะได้น้ำสะอาดออกมา ทีนี้ก็ช่วยประหยัดน้ำ-ประหยัดไฟได้เยอะเลย...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สวนกล้วยไม้แย้มประยูร จ.พระนครศรีอยุธยา

พระนครศรีอยุธยา 5 ม.ค.-เกษตรกรชาว จ.พระนครศรีอยุธยา เริ่มต้นปลูกกล้วยไม้เพียง 2 ไร่ ได้ผลดีมีลูกค้าทั้งในประเทสและนอกประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขยายเป็น 100 ไร่   คุณลุงมานิตย์ แย้มประยูร เกษตรกร วัย 76 ปี เริ่มต้นจากใจรักใน กล้วยไม้ ลงทุน ปลูกกล้วยไม้ กับเงินทั้งหมดที่มีอยู่ 4,000 บาท บนที่ดิน 2 ไร่ เพราะความขยัน อดทนทำให้คุณลุงมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขยายจาก 2 ไร่ เป็น 100 ไร่ พัฒนาขยายสายพันธุ์ใหม่จนสร้างชื่อเสียงระดับโลก สร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน   คุณลุงมานิตย์ บอกว่า ปกติ กล้วยไม้ นิยมขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือเพาะเมล็ด เพราะทำให้เกิดต้นกล้าจำนวนมาก เติบโตสม่ำเสมอ และปลอดโรคใช้เวลาในการเติบโตแตกต่างกันประมาณ 1 -3 ปี แล้วแต่ชนิดพันธุ์และสูตรอาหาร   ตลาดส่งออกกล้วยไม้ตัดดอกที่สำคัญ ได้แก่ ตลาดยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น เวียดนามและเมียนมาร์ ซึ่งสีสันที่แต่ละภูมิภาคชื่นชอบก็จะแตกต่างกันไป อย่างยุโรปจะชื่นชอบกล้วยไม้สีแดง ส่วนตลาดญี่ปุ่นจะชื่นชอบกล้วยไม้สีม่วง ขณะที่การเปิดประชาคมอาเซียนเป็นอีกโอกาสในการขยายตลาดของ กล้วยไม้ไทย ...

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "แม่แรง" ใช้ทำอะไร ดีอย่างไร

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ "แม่แรง" ใช้ทำอะไร ดีอย่างไร แม่แรง คือ เครื่องมือแบบหนึ่งที่มีหน้าที่ในการเพิ่มเเรงในการยกรถยนต์ เพื่อทำการซ่อมแซมบำรุงส่วนต่างๆของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นล้อรถยนต์ ช่วงล่างของรถยนต์ หรือใช้ในการสำรวจตัวถังของรถยนต์ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยทุ่นแรงในการทำงานเกี่ยวกับช่วงล่างของรถยนต์ เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้น ตามปกติตัวถังและโครงรถยนต์ จะต้องทำการซ่อมบำรุงเนื่องมาจากอุบัติเหตุ ทำให้โครงตัวถังรถเกิดการโค้งงอ บิดตัว แตกหัก หรือฉีกขาด ซึ่งจะต้องทำการซ่อมแซมบริเวณส่วนที่โค้งงอ บิดตัว ให้ตรงเหมือนเดิม โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ให้กำลัง (Power Tool) สำหรับดึง และดันซึ่งแล้วแต่ชนิดของงานที่จะซ่อมนั้นๆ แม่แรงแบ่งออกเป็น 2 หมวดหลักๆ ด้วยกัน 1. แม่แรงระบบไฮดรอลิก แม่แรงชนิดไฮดรอลิก ยอดเยี่ยมตรงที่ทำให้คนใช้เบาแรง และสามารถยกน้ำหนักได้เยอะแม้จะมีขนาดตัวไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีจุดบกพร่องอยู่ตรงที่โอริงของระบบไฮดรอลิกอาจจะรั่ว หากนำไปใช้ยกน้ำหนักที่มากเกินกว่าจะรับไหว หรือเมื่อถูกนำไปเก็บไว้ในลักษณะที่น้ำมันไฮดรอลิกไหลรั่วออกมาได้ง่าย และมีขีดจำกัดที่หากอยากยกระด...

เคล็ดลับการดูแลเก็บรักษาเครื่องตัดหญ้า

เคล็ดลับการดูแลเก็บรักษาเครื่องตัดหญ้า การดูแลรักษาเครื่องตัดหญ้า จะรวมถึงการตรวจทานน้ำมันเชื้อเพลิงภายในถังน้ำมัน  การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน  การกลั่นกรองก่อนที่จะจัดเก็บเข้าที่  และการปลดแบตเตอรี่  นอกเหนือจากเหล่านี้แล้ว เราควรชะล้างเครื่องตัดหญ้าอย่างละเอียดยิบก่อนที่จะนำไปจัดเก็บ  สำหรับ เครื่องตัดหญ้า ควรถูกนำไปเก็บไว้ในบริเวณที่มีความปลอดภัยจากสภาพอากาศที่เปียกโชกชื้น อาจต้องคลุมเครื่องตัดหญ้าด้วยผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องตัดของพวกเขาจะปลอดภัยจากการเปียกฝน  และสิ่งโสโครกต่างๆ การดูแลรักษาเครื่องตัดหญ้าจะมีผลประโยชน์คุณประโยชน์มากที่สุดในช่วงฤดูหนาว และฤดูฝน ขั้นตอนการดูแลเก็บรักษา เครื่องตัดหญ้า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เครื่องตัดหญ้า จะถูกนำมาใช้งานเป็นเสมอ เลยไม่จำเป็นต้องการการดูแลมากเท่ากับช่วงฤดูหนาวหรือฤดูฝน ส่วนมากจะเก็บเครื่องตัดหญ้าไว้ในบริเวณที่ปลอดภัยจากภูมิอากาศ  และควรทำความสะอาดเครื่องตัดหญ้าเป็นประจำทั้งภายในและภายนอกอย่างน้อยหนึ่งครั้งหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว เพราะจะช่วยคุ้มครองปัญหาบางส่วนที่อาจจะเกิดขึ้นกับเครื่องยนต์