มกอช.จัดโครงการใช้ระบบ Q Restaurant ตามสอบกระบวนการผลิตวัตถุดิบจากโต๊ะอาหารสู่แหล่งผลิต หวังช่วยขยายตลาดให้กับเกษตรกรทางอ้อม คาดปี 59 ขยายร้านค้าร่วมโครงการ 2,000 ราย...
น.ส.ดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพวัตถุดิบสินค้าเกษตรที่มาปรุงอาหารเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ดังนั้น ปี 2559 มกอช. จึงจัดโครงการ Q Restaurant พร้อมนำเทคโนโลยี QR Code มาใช้ตามสอบที่มาวัตถุดิบ ซึ่งผ่านการรับรองความปลอดภัยจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยระบบ Q Restaurant ประเทศในแถบยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อให้คนกินรู้ว่าวัตถุดิบที่เอามาประกอบอาหารมีแหล่งที่มาจากเกษตรกรรายใด โดยการตามสอบทำได้ง่าย เพียงใช้สมาร์ทโฟน สแกน QR Code ที่กำกับบนรายการอาหารจะรู้ว่า เมนูที่สั่งมารับประทานมีแหล่งที่มา และผ่านการรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือไม่
ทั้งนี้ ทุกวันนี้ ผู้รับประทานจะเลือกร้านอาหารจากรสชาติ และความอร่อย มากกว่าดูแหล่งผลิตวัตถุดิบว่า มีคุณภาพมาตรฐานเพียงใด แทบไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า ก่อนจะมาประกอบอาหารใส่จานเสิร์ฟมีการดูแลจัดการอย่างไร แตกต่างกับในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น จะดูวัตถุดิบอาหารตั้งแต่แหล่งปลูกกระทั่งถึงปาก
น.ส.ดุจเดือน กล่าวต่อว่า สำหรับระบบ Q Restaurant ไทยเป็นประเทศแรกที่นำระบบดังกล่าวเข้ามาใช้ ทำให้สินค้าเกษตรไทย ก้าวล้ำหน้าในกลุ่มชาติอาเซียน และการที่ มกอช. นำร่องโครงการ QR Code จากร้านค้า เพราะต้องการให้รายเล็กๆ เกิดความเข้มแข็ง อย่างฟาร์มหอยหวานซันเซท จ.ชลบุรี ได้รับความนิยมในหมู่ผู้รับประทานมากกว่าอาหารทะเล ซึ่งเมื่อผู้รับประทานมั่นใจมีการบอกปากต่อปาก ไม่เพียงแค่พัฒนาคุณภาพ กระบวนการผลิต แต่ยังช่วยขยายตลาดให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ส่วนการควบคุมร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการนั้น มกอช. จะมีทีมเจ้าหน้าที่คอยสุ่มตรวจ หากร้านไหนมีการสวมรอย จะยกเลิกการใช้ระบบดังกล่าว พร้อมแจ้งขึ้นเว็บไซต์ มกอช. ทันที โดยตลอดระยะเวลา 6 ปี มีร้านค้าทั่วประเทศผ่านการรับรอง 1,613 แห่ง อยู่ในช่วงดำเนินการตรวจรับรองอีก 344 แห่ง และคาดว่าต้นปี 2559 จะได้ร้านค้าเข้าร่วมโครงการ 2,000 แห่งแน่นอน.
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น